โฆษณาเครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทควบคุมน้ำหนักที่มีแอล-คาร์นิทีนเป็นส่วนผสม หวั่นโฆษณาเกินจริง ระบุแอล-คาร์นิทีนแค่วิตามินที่ไม่จำเป็รต้องหากินเสริมไม่สามารถช่วยลดน้ำหนักหรือเพิ่มกล้ามเนื้อได้ อย.เตรียมออกสปอต “อย่าหลงเชื่อ” เตือนผู้บริโภคอย่าหลงเชื่อโฆษณาเกินจริง

เภสัชกรมานิตย์ อรุณากูร รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวถึงเครื่องดื่มผสมแอล-คาร์นิทีน และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทควบคุมน้ำหนักที่มีแอล-คาร์นิทีนเป็นส่วนผสมและมีวางจำหน่ายในขณะนี้ว่า แอล-คาร์นิทีนถือเป็นวิตามินชนิดหนึ่ง มีความจำเป็นต่อกระบวนการเผาผลาญอาหาร แต่ไม่จำเป็นต้องหากินเสริม เนื่องจากสวนหนึ่งร่างกายสามารถสังเคราะห์ได้เอง และยังได้จากโปรตีนในอาหารที่ทาน ส่วนใหญ่เป็นอาหารประเภทเนื้อสัตว์

ส่วนแอล-คาร์นิทีนที่อนุญาตให้ผสมในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องดื่มนั้น ผู้ผลิตต้องขออนุญาตจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หากมีการโฆษณาว่า ช่วยลดน้ำหนัก เพิ่มกล้ามเนื้อ ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าให้ผลเช่นนั้นจริง หากพิสูจน์ไม่ได้ ถือว่าโฆษณาเกินจริง มีโทษจำคุก 6 เดือน ถึง 2 ปี

ขณะนี้ อย.อยู่ระหว่างการเตรียมจะออกสปอตโฆษณาชื่อ "อย่าหลงเชื่อ" เน้นให้ความรู้ประชาชนอย่าหลงเชื่อโฆษณาเกินจริงครอบคลุมสินค้าประเภทต่าง ๆ เช่น อาหาร เครื่องสำอาง คาดว่า จะสามารถเผยแพร่ได้ในช่วงเดือนเมษายน-กันยายนนี้

ด้านนายสง่า ดามาพงษ์ นายกสมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ยังไม่มีความรู้เกี่ยวกับแอล-คาร์นิทีน แต่พอได้ยินมาบ้าง อย่างไรก็ดี มีคำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องผลิตภัณฑ์ลดความอ้วนที่วางจำหน่ายมากมายในขณะนี้ ว่า ผลิตภัณฑ์ลดความอ้วนต่าง ๆ เป็นการลดความอ้วนได้เพียงชั่วคราว อยากให้เน้นเรื่องการเดินทางสายกลาง ควบคุมแคลอรีจากอาหารที่ทานเข้าไป และออกกำลังกาย จะเป็นลดน้ำหนักได้ยั่งยืน

นายสง่าแนะนำด้วยว่า การลดแคลอรีในชีวิตประจำวันต้องลดอาหารประเภทแป้ง อาหารไขมันสูง อาหารรสหวานจัด ลดการทานจุบจิบ เน้นทานผักให้มากขึ้น อาหารไทยประเภทต้มคืออาหารที่ช่วยควบคุมน้ำหนักได้ดี แต่ต้องไม่ใช่อาหารที่ใส่กะทิ หรืออาหารทอด ส่วนผลไม้ที่ใช้ควบคุมน้ำหนักได้ดีคือ ฝรั่งและมะละกอสุก ส่วนกล้วยโดยเฉพาะกล้วยน้ำว้าไม่แนะนำ เพราะมีน้ำตาลสูง และในราวกลางเดือนมีนาคมนี้ ทางสมาคมจะเปิดตัวหนังสือ "เมนูสู่หุ่นสวย" เพื่อเป็นคู่มือแนะนำอาหารสำหรับผู้ที่ต้องมีรูปร่างดี