หลายคนที่ปฏิบัติตามแนวทางพร่องแป้ง (low carb) ได้ผลดีระยะแรก แล้วก็สะดุดอยู่ที่จุดหนึ่งซึ่งยังไม่ใช่จุดที่พอใจ ที่เรียกกันว่า low-carb plateau คือลดน้ำหนักได้แล้ว แต่ติดอยู่บนที่ราบสูง ลดต่อไม่ได้ บางคนก็อาจท้อจนเลิกพร่องแป้ง แล้วก็อาจจะโยโย่นำหนักขึ้นกลับไปที่เดิมหรือมากกว่าเดิม หลายคนทำพร่องแป้งด้วยความยากลำบากเพราะอดที่จะกินแป้งและน้ำตาลไม่ได้
ผมเองพร่องแป้งมามากกว่า 15 ปี ลดน้ำหนักได้ระดับหนึ่งและก็ความคุมไม่ให้น้ำหนักเพิ่มได้ แต่ก็ยังไม่สามารถลดลงต่ำกว่าที่ราบสูงของตัวเองได้ จนกระทั่งมาอ่านเจอบทความของคุณหมอ บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล ซึ่งแนะนำให้คนไข้เบาหวานงดแป้ง น้ำตาล รวมถึงผลไม้โดยสิ้นเชิง พร้อมทั้งงดยาลดเบาหวานด้วย โดยให้ทานพวกเนื้อกับผักแทน ผลที่ได้น่าประทับใจมากเพราะนอกจากน้ำตาลในเลือดจะลดลงแล้ว ผู้ป่วยยังลดน้ำหนักได้ด้วย
อันที่จริงผมเคยเขียนเกี่ยวกับการหันมากินเนื้อกับพืชผักแบบมนุษย์ยุคหินไว้นานแล้ว (ดู “นีแอนเดอร์ธิน..มนุษย์หินยุคใหม่“) แต่ก็ไม่เคยทดลองทำตามนั้น จนกระทั่งมาอ่านบทความคุณหมอบรรจบข้างต้นนี้ จึงตัดสินใจปรับระดับตัวเอง จาก “พร่องแป้ง หรือ low carb” ไป “เลิกแป้ง หรือ quit carb” เสียเลย
ผมทำมา 2 สัปดาห์ น้ำหนักลงไปประมาณ 3 กก. ไปสู่ระดับน้ำหนักสมัยที่อายุยังไม่ถึง 30 เป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี
สิ่งที่ผมเรียนรู้อย่างหนึ่งก็คือ คนเราจำนวนมากมักจะชอบทานแป้ง แม้ว่าอาจจะเลิกทานของหวานได้ แต่ก็มักจะมีอาหารพวกแป้งที่ชอบเป็นพิเศษและต้องหาโอกาสทานให้ได้ เช่น บางคนชอบข้าเหนี่ยว บางคนชอบทานพิซซ่า มันฝรั่งทอดกรอบ ก๊วยเตี๋ยว และอื่นๆ อีกมาก คาร์บเหล่านี้มีคุณสมบัติคล้ายๆ สารออกฤทธิต่อจิตประสาท (psychoactive substance) และมีลักษณะเสพติด (addictive) มีคนที่ทำวิจัยเรื่องนี้และก็มีข้อสรุปว่าเป็นเช่นนั้น นั่นก็คือ คาร์บทำให้อยากทานคาร์บ ทำให้โหยหา ดังนี้น การพยายาม พร่องแป้ง หรือ ทานคาร์บแต่เพียงน้อยๆ จึงทำได้ยาก ซึ่งก็ตรงกับประสบการณ์ส่วนตัวของผม
เมื่อเราตัดสินใจและเริ่ม “เลิกแป้ง” เท่าที่ทดลองทำด้วยตัวเองพบว่า เราไม่โหยหาแป้งอีกต่อไป
สรุป เว็บนี้จะปรับคำแนะนำสำหรับแฟนๆ ใหม่นะครับ จาก “พร่องแป้ง” สู่ “เลิกแป้ง”
{fcomment [email protected]}