การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตสู่แนวทางพร่องแป้ง (low carb) ช่วยในการลดน้ำหนักและส่งเสริมสุขภาพโดยรวมของเรา นั่นคือสิ่งที่ผมพยายามสื่อในเว็ปไซต์นี้ หลายคนรวมถึงตัวผมเองประสบความสำเร็จได้ค่อนข้างดี แต่หลายคนรวมถึงตัวผมเองก็พบว่ายังไม่สามารถบรรลุเป้าหมายน้ำหนักที่ต้องการได้ ติดอยู่บนที่ราบสูงของการลดน้ำหนัก จนกระทั่งได้เรียนรู้ความรู้ใหม่ว่าต้องมีการอดอาหารเป็นช่วงๆมาเสริมจึงจะลงจากที่ราบสูงนี้ได้
ผมเคยเชื่อว่าถ้าเราพร่องแป้งอย่างจริงจัง หรืออาจงดแป้ง (quit carb) เสียเลย เราจะไปสู่เป้าหมายของการลดน้ำหนักได้อย่างแน่นอน จากประสบการณ์ของผมเองและอีกหลายคนที่ผมรู้จักบอกได้ว่า มันไม่ง่ายอย่างนั้น หลายคนติดอยู่บนที่ราบสูงของการลดน้ำหนัก คือลดน้ำหนักได้ระดับหนึ่งแล้วก็ไม่สามารถลดต่อได้อีก หลายคนหมดกำลังใจ เลิกพร่องแป้ง กลับไปรับประทานแป้งเหมือนๆ เดิม
แนวทางที่เราเคยอธิบายในเว็ปไซต์นี้คือการพร่องแป้งเพื่อปรับระบบการเผาผลาญของร่างกายไปสู่่การใช้ไขมันแทนการให้น้ำตาลเป็นพลังงาน ที่เรียกว่า ภาวะคีโตซิส (ketosis) หยุดวัฏจักรความหิว ทำให้เรารับประทานอาหารน้อยลงและลดน้ำหนักได้ในที่สุด ปัญหาคือ การปรับไปสู่ภาวะคีโตซิสไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ เพราะแม้ร่างกายจะไม่ได้รับน้ำตาลจากการรับประทานอาหาร แต่ร่างกายสามาถรสร้างน้ำตาลจากไขมัน triglyceride ที่มีอยู่มาทดแทนได้ และยังใช้พลังงานจากไขมันที่เรารับประทานเข้าไป โดยยังไม่หันไปละลายไขมันส่วนที่สะสมอยู่
ผมถึงบางอ้อเมื่อได้ดูวิดิโอชิ้นหนึ่งของหมอฝรั่งที่แนะว่า ถ้าจะให้ร่างกายเปลี่ยนเป็นระบบคีโตซิสได้รวดเร็ว จะต้องใช้ IF (intermitten fasting) หรือการอดอาหารเป็นช่วงๆ มาช่วย ผมเริ่มลงมือปฏิบัติด้วยการเปลี่ยนมาทาน 2 มื้อ งดมื้อเย็นเด็ดขาด แต่มื้อเช้าและกลางวันยังพร่องแป้งหรืองดแป้งอยู่นะครับ ได้ผลทันทีครับ ผมสามารถลดน้ำหนักผ่านจุดที่ไม่เคยไปถึงตลอด 40 ปีที่ผ่านมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ผมเริ่มศึกษาเรื่องการอดอาหาร (fasting) มากขึ้นและพบว่า การอดอาหารช่วยในการขจัดของเสียในร่างกายได้ด้วย ช่วยป้องกันและรักษาโรคที่เกี่ยวกับขบวนการเผาผลาญ (metabolic syndrome) หรือแม้แต่มะเร็งได้ ตรรกของเรื่องนี้ก็คือ การที่มนุษย์ได้เปลี่ยนมารับประทานอาหารสามมื้อ หรือบ่อยกว่านั้น เป็นการทำลายกลไกที่ร่างกายสะสมพลังงานส่วนเกินในรูปไขมันแล้วนำกลับมาใช้ได้เมื่อไม่มีอาหารเติมเข้าไป กลายเป็นร่างกายที่สะสมไขมันที่ไม่เคยถูกนำกลับมาใช้ เป็นไขมันที่เก่าเก็บซึ่งนำไปสู่ผลร้ายอื่นๆ
การอดอาหารไม่ทำให้สมองขาดพลังงาน เพราะสมองใช้พลังงานได้ทั้งในรูปน้ำตาลและไขมันซึ่งร่างกายดึงออกมาจากไขมันที่สะสมอยู่ได้ เราจะไม่รู้สึกอ่อนเพลียหรือเฉื่อยชาลงแต่อย่างใด ตรงกันข้ามอาจจะสมองโล่งมากขึ้น กระฉับกระเฉงขึ้น เราอาจจะต้องเสริมเกลือแร่บ้างถ้าจะอดอาหารนานเกิน 24 ชม.
ที่เหลือก็เป็นเรื่องของการจัดการกับความหิว ผมเองได้เรียนรู้จากประสบการณ์ว่าความหิวเป็นเรื่องอารมณ์และความเคยชิน ถ้าเราไม่สนใจมัน มันก็จะหายไปเองโดยไม่มีผลอะไร จากการพร่องแป้งมานาน ผมจัดการกับความหิวได้ดีมาก เรื่องนี้สำหรับหลายๆ คนอาจเป็นเรื่องที่ต้องเรียนรู้และฝึกปรือ
ผมคงก้าวต่อไป น่าจะเป็นรับประทานวันละ 1 มื้อ และถ้ามีโอกาสจะมารายงานผลให้ทราบครับ