เมื่อสัก 7 ปีก่อนผมได้รับเชิญให้ไปพูดให้สมาชิกสโมสรโรตารี่แห่งหนึ่งฟัง ผมได้นำเสนอเรื่องการควบคุมน้ำหนักและการรักษาสุขภาพโดยรวมด้วยวิถีพร่องแป้ง โดยอธิบายหลักการพร่องแป้งเช่นเดียวกับที่เขียนในเว็บนี้ ผู้ฟังจำนวนไม่น้อยเป็นคุณหมอ และผมรู้สึกได้ว่าไม่ค่อยจะได้รับควาามสนใจเท่าไร
3 ปีก่อนญาติคนหนึ่งซึ่งเป็นคุณหมอให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องพร่องแป้งว่าน่าจะมีปัญหา เพราะสมองอาจได้รับน้ำตาลไม่เพียงพอ
แต่ช่วง 3 ปีหลังนี้ ทัศนคติเกี่ยวกับแป้งและน้ำตาลเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน เริ่มจากการที่ทางการสหรัฐฯ เปลี่ยนคำแนะนำเกี่ยวกับสัดส่วนของอาหารที่ควรรับประทาน โดยลดสัดส่วนของแป้งลงอย่างชัดเจน วงการแพทย์ในเมืองไทยก็เร่ิมยอมรับอย่างชัดเจนว่าการบริโภคแป้งและน้ำตาลมากเกินไปเป็นปัญหาต่อสุขภาพ ในญี่ปุ่นมีการพูดถึง ปัญหาการกระชากขึ้นลงอย่างรวดเร็วของระดับน้ำตาลในเลือด (blood-sugar spike) ซึ่งเป็นผลจากการบริโภคอาหารพวกแป้งและน้ำตาล
หลายประเทศรวมถึงไทยเริ่มดำเนินการเก็บภาษีเครื่องดื่มที่ใช้น้ำตาลในสัดส่วนที่สูง อุตสาหกรรมอาหารเองก็ตื่นตัวจนทำให้เราเห็นป้ายฉลาก “ปลอดน้ำตาล” (sugar-free) อย่างแพร่หลาย
เป็นเริ่องน่ายินดีมากสำหรับการตื่นตัวต่อภัยร้ายของแป้งและน้ำตาลของผู้คนในโลกนี้ โดยเฉพาะสำหรับเว็บไซต์นี้ซึ่งพูดเรื่องนี้มานาน และข้อมูลส่วนใหญ่ของเราก็ยังใช้ได้
เหลืออีกด่านเดียวเท่านั้น ซึ่งก็คาดว่าอีกไม่นานคงได้รับการยอมรับ นั่นคือ การบริโภคอาหารประเภทไขมัน ไม่ใช่ตัวการสำคัญของไขมันในเลือดหรือในเซลอื่นๆ เพราะ 90% ของไขมันในร่างกายของเราสร้างขึ้นมาโดยร่างกายของเราเอง